
3 สุดยอดวิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน ห่างไกล COVID-19*
*ข้อความสำคัญ*
การเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีและเหมาะสม คือวิธีที่จะทำให้คุณปลอดภัยจากโรคร้ายและมีสุขภาพที่แข็งแรงอย่างยั่งยืน
บริษัท MikaNutra
*ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรืออาหารเสริมใดที่จะป้องกันคุณจากเชื้อไวรัสนี้ได้ 100% ฉะนั้นโปรดเข้าใจว่าการเว้นระยะห่างทางสังคมและการล้างมือเป็นสิ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ได้ดีที่สุดในขณะนี้*
ในวิกฤติการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส เชื่อว่าหลายคนหันมาดูแลสุขภาพของตัวเองเป็นพิเศษ รวมถึงเลือกที่จะทานอาหารเสริมและวิตามินเพื่อเสริมสร้างภูมคุ้มกันให้กับร่างกาย ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดีมากๆ ซึ่งผู้คนทั่วโลกกำลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารและการดูแลสุขภาพอยู่ในขณะนี้
ไม่ใช่ว่าต้องทานวิตามินเสริมเฉพาะเวลาที่ร่างกายเราขาดเท่านั้น แต่การทานวิตามินเสริมนั้นถือเป็นการเพิ่มสิ่งที่ดีให้กับร่างกายเพื่อเอาไปสู้กับไวรัสและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่เขามาในร่างกาย เหมือนเป็นการให้อาวุธกับระบบภูมิคุ้มกันของเราให้ปกป้องดูแลร่างกายของเราให้ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บนั่นเอง วันนี้ MikaNutra เลยจะมาบอกข้อมูลดีๆ ว่ามีวิตามินและแร่ธาตุชนิดไหนบ้างที่ดีต่อระบบภูมิคุ้มกันของเราค่ะ
3 วิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันสู้ COVID-19
หลายคนอาจเคยได้ยินที่เขาบอกว่า “An apple a day can keep the doctor away” หรือแปลเป็นไทยได้ว่า ทานแอปเปิ้ลทุกวันห่างไกลจากโรคภัย บางทีความจริงเบื้องหลังวลีนี้ก็คืออยากให้ทุกคนทานอาหารที่มีประโยชน์ อุดมไปด้วยวิตาในและเกลือแร่เพื่อช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของคุณสามารถต่อสู่กับโรคภัยต่างๆ ได้
ซึ่งมีนักโภชนาการที่ชื่อ Julia Zumpano, RD, LD ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีปราศจากโรคภัย
วิตามินซี (Vitamin C)
วิตามินซีเป็นสุดยอดและเป็นวิตามินอันดับหนึ่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน การขาดวิตามินซีจะทำให้ร่างกายป่วยง่าย อาหารที่เต็มไปด้วยวิตามินซีก็คือ

- ผลไม้ตระกูลส้ม เช่น ส้ม ส้มโอ ส้มแขก ส้มซ่า เป็นต้น
- ต้นอ่อนข้าวสาลี
- สตรอว์เบอร์รี่
- พริกหวานและพริกแดง
- ผักโขม
- บร็อคโคลี่
- ผักชีฝรั่ง
วิตามินซี หรือ แอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ มีส่วนช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในกระดูก กล้ามเนื้อและหลอดเลือด ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยส่งเสริมการดูดซับธาตุเหล็กสามารถป้องกันและรักษาการอักเสบอันเนื่องมาจากแบคทีเรียและไวรัสได้
วิตามินซีเป็นวิตามินที่จำเป็นและสำคัญมากสำหรับมนุษย์ เป็นส่วนประกอบหลักในปฏิกิริยาเอ็นไซม์ ซึ่งรวมอยู่ในการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งหากทำงานผิดปกติจะทำให้เกิดกลุ่มอาการรุนแรงของโรคลักปิดลักเปิด ปฏิกิริยาเหล่านี้สำคัญมากในการสมานแผลและการป้องกันเลือดออกจากหลอดเลือดฝอย นอกจากนี้แอสคอร์เบทยังมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
หากต้องการจะรับประทานวิตามินซี นอกจากผลไม้อย่างส้มและผลไม้รสเปรี้ยวอื่นๆ ที่มีวิตามินซีไม่น้อยเช่นกัน เช่น กีวี สตรอว์เบอร์รี่ หรือผักอย่างพริกแดงและผักชีฝรั่งก็มีวิตามินซีเยอะ จะทานแบบสดๆหรือผ่านความร้อนก็ได้ แต่ควรทานทันทีหลังปรุงสุก ในกรณีที่เป็นหวัดและหากต้องการช่วยเสริมการทำงานของวิตามินซีให้ดีขึ้นให้เสริมอาหารพวกที่มีเห็ดแชมปิญองเพราะมีสรรพคุณต้านไวรัส และกินอาหารเสริมที่มีสังกะสีเพราะมีสรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อ โดยทั้งคู่จะช่วยเข้าไปเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
หากคุณไม่สามารถรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีได้ทุกวัน การทานอาหารเสริมที่มีวิตามินซีอยู่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคุณ
วิตามินดี3 (Vitamin D3)
ทุกคนรู้ว่าวิตามินดีสำคัญต่อร่างกายโดยเฉพาะกระดูก เพราะวิตามินดีช่วยในการดูดซึมของแคลเซียมป้องกันโรคกระดูกพรุน ควบคุมปริมาณของแคลเซียมในเลือด และที่สำคัญก็คือ วิตามินดีมีหน้าที่สำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน
วิตามินดีคือวิตามินที่ละลายในไขมันมีอยู่ 2 ชนิดที่สำคัญก็คือ วิตามินดี 2 และวิตามินดี 3 แล้วทั้ง 2 อย่างนี้ต่างกันอย่างไร? อันไหนดีกว่า?
- วิตามินดี 2 (Ergocalciferol) ได้จากเออโกสเตอรอลในพืช
- วิตามินดี 3 (Cholecalciferol) ได้จาก 7-ดีไฮโดรคอเรสเตอรอลจากสัตว์

ว่ากันง่ายๆ ก็คือวิตามินดี 2 ได้อาหารที่เป็นพืชและอาหารสำเร็จรูปและอาหารบางประเภทที่ใส่วิตามินเพิ่มลงไป ส่วนวิตามินดี 3 ได้จากอาหารที่เป็นสัตว์ คราวนี้เรามาดูกันว่าอาหารที่มีวิตามินดีสูงคืออะไรบ้าง
แหล่งอาหารที่มีวิตามินดี 3
- น้ำมันปลาและปลาที่มีไขมันเยอะ
- ตับ
- ไข่แดง
- เนย
- อาหารเสริม
แหล่งอาหารที่มีวิตามินดี 2
- เห็ดที่โตจากรังสี UV
- อาหารสำเร็จรูปและอาหารบางประเภทที่ใส่วิตามินเพิ่ม
- อาหารเสริม
เนื่องจากวิตามินดี 2 มีต้นทุนในการผลิตที่ถูกกว่าจึงเป็นวิตามินดีที่นิยมใส่เพิ่มลงในอาหารสำเร็จรูปต่างๆ ส่วนหากใครอยากได้วิตามินดี 3 ก็ให้ทานอาหารประเภทที่กล่าวมาข้างต้น หรือออกไปยืนกลางแดดเนื่องจากวิตามินดี 3 นั้นร่างกายของเราสามารถผลิตได้เองผ่านผิวหนัง
นักวิทยาศาสตร์บอกว่าวิตามินดี 2 มีคุณภาพต่ำกว่าวิตามินดี 3 เพราะวิตามินดี 2 เปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิและความชื้น แถมเสื่อมสภาพตามกาลเวลาอีก แต่หากคุณไม่อยากปวดหัวมานั่งคิดว่าต้องทานอาหารที่มีวิตามินดีทุกวันก็ให้เลือกซื้ออาหารเสริมมาทานก็จะดี
สังกะสี (Zinc)
สังกะสีคือเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่แข็งแรง เพราะหากร่างกายขาดสังกะสีก็จะเสี่ยงที่จะป่วยมากขึ้น ความจริงเกี่ยวกับสังกะสีก็คือ เป็นแร่ธาตุจำเป็นของร่างกาย หากเด็กได้รับสังกะสีไม่เพียงพอก็จะกระทบต่อการเจริญเติบโตและเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค ระบบต่อมไร้ท่อผิดปกติ ผิวหนังอักเสบ ระบบประสาทผิดปกติ ส่วนผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์และกำลังให้นมบุตรจะต้องการสังกะสีมากเป็นพิเศษ
สังกะสีเป็นสารต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Potent Antioxidants) ทำให้ความเครียดในร่างกายลดลง อีกทั้งสักกะสีได้ถูกนำไปใช้ในกระบวนการสร้างพลังงาน รวมถึงช่วยปรับปรุงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเฉพาะควบคุมการทำงานของเม็ดเลือดขาวชนิด ที-ลิมโฟไซต์ (T-lymphocyte) ให้ทำงานป้องกันเชื้อโรคแปลกปลอมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เกลือแร่หรือแร่ธาตุนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายรองจาก น้ำ ไขมัน และโปรตีน ซึ่งแร่ธาตุที่จำเป็นแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1. แร่ธาตุที่ร่างกายต้องการในปริมาณมาก (Macro Minerals) คือแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการมากกว่า 100 มิลลิกรัมต่อวัน เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม เป็นต้น
2. แร่ธาตุที่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อย (Trace Minerals) คือแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ไม่สามารถขาดได้เลย เพราะมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย ถ้าขาดร่างกายก็จะผิดปกติ แม้ปริมาณที่จำเป็นต่อวันจะมีจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นแต่ก็สำคัญมากๆ ซึ่งสังกะสีจัดเป็นแร่ธาตุในกลุ่มนี้
ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์สังกะสีขึ้นเองได้ จึงจำเป็นต้องบริโภคจากอาหารที่มีสังกะสีในปริมาณสูง ได้แก่ ตับ ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่ว เนื้อสัตว์ อาหารทะเลโดยเฉพาะหอยนางรม ซึ่งเป็นแหล่งสังกะสีที่ดี เพราะดูดซึมง่ายกว่าพวกพืชผัก
โดยมีการวิจัยพบว่าอาหารจำพวกเนื้อเมื่อถูกย่อยเป็นกรดอะมิโน จะมีส่วนช่วยให้ร่างกายดูดซึมสังกะสีได้ดีขึ้น โดยธัญพืชประเภท ข้าว ข้าวโพด มีสังกะสีอยู่ปริมาณน้อย ส่วนผัก ผลไม้แทบไม่มีปริมาณ สังกะสี อยู่เลย
สรุป 10 คุณประโยชน์ของสังกะสี
- ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตให้กับร่างกาย
- ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
- ช่วยลดระยะเวลาการเจ็บป่วยและบรรเทาอาการของโรคหวัด
- ช่วยเร่งให้แผลทั้งภายในและภายนอกหายเร็วยิ่งขึ้น
- ช่วยในการรักษาสิว บรรเทาอาการอักเสบของสิว
- ช่วยป้องกันมะเร็งเต้านม มะเร็งหลอดอาหารและหลอดลม
- ช่วยป้องกันโรคต่อมลูกหมากและมะเร็งต่อมลูกหมาก
- มีส่วนช่วยลดการสะสมตัวของคอเลสเตอรอล
- ช่วยลดอาการอักเสบและรักษาโรครูมาตอยด์
- มีความสำคัญต่อความเสถียรของเลือด ช่วยควบคุมสมดุลกรดด่างในร่างกาย
**หมายเหตุ: แม้สังกะสีจะสามารถช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ แต่หากรับประทานเกินกว่า 150 มิลลิกรัมต่อวันแล้ว อาจไปขัดขวางการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน เพราะฉะนั้นควรระวังและให้รับประทานในปริมาณที่พอเหมาะต่อวัน
การดูแลสุขภาพในช่วงการระบาดของโคโรนาไวรัส***
*** ก่อนอื่นเลยคงต้องบอกว่าการเว้นระยะห่างทางสังคมหรือ Social Distancing คือสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณปลอดภัยจากโควิด-19 เพราะเป็นการลดความเสี่ยงที่จะไปรับเชื้อจากผู้อื่นรวมถึงลดความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อให้ผู้อื่นด้วยเช่นกัน รวมถึงการล้างมือบ่อยๆ ก็ถือเป็นอีกทางหนึ่งที่จะทำให้คุณปลอดภัยและห่างไกลจากไวรัส

จากที่เราตามข่าวสารเรื่องโคโรนาไวรัส เราต่างรู้ว่าไวรัสนี้น่ากลัวและยังไม่มีทางรักษา ได้แค่ประคับประคองอาการของผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งคนที่แข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวคือผู้ที่มีสิทธิที่จะหายจากโรคได้เร็วกว่าคนที่มีโรคประจำตัวและโรคแทรกซ้อนอื่นๆ
ฉะนั้นการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์และอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่คือทางเลือกที่คุณสามารถทำได้ รวมถึงการเลือกทานอาหารเสริมเพื่อสุขภาพก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเช่นกัน
การทานอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของวิตามินซีถือว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกาย รวมถึงอาหารเสริมที่มี Superfood เป็นส่วนประกอบเช่น ต้นอ่อนข้าวสาลี แอปเปิ้ลไซเดอร์เวนิกา และไซเลียมฮัสค์ ก็นับเป็นการเพิ่มสิ่งดีๆ ให้กับร่างกายเพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามิน รวมถึงไฟเบอร์ธรรมชาติที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพของระบบขับถ่าย ระบบทางเดินอาหาร รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย เลือก MikaNutra ให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของสุขภาพที่ดีของคุณวันนี้
One thought on “3 สุดยอดวิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน ห่างไกล COVID-19*”