Calcium Ascorbate วิตามินซีในรูปแบบของความงาม

ปกติแล้วคนส่วนใหญ่นิยมรับประทานวิตามินซีเพื่อป้องกันไข้หวัด แต่ว่าวิตามินซีนั้นยังช่วยเรื่องสุขภาพในด้านอื่นๆ และช่วยเสริมความงาม หลายคนอาจจะทราบว่าวิตามินซีทำได้มากกว่าแก้หวัด เพราะวิตามินซีมีส่วนช่วยให้ผิวพรรณดูเรียบเนียน ผิวพรรณดูสดใสอ่อนเยาว์

วิตามินซีมีบทบาทสำคัญในการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและส่งผลดีต่อผิวพรรณอีกด้วย วันนี้ MikaNutra จะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับ Calcium Ascorbate ประโยชน์ของวิตามินซีและความงามไปพร้อมกันที่นี่ที่เดียว

Calcium Ascorbate คืออะไร?

หลายๆคนคงรู้จักกันดีว่า Ascorbic acid คือ Vitamin C นั่นเอง วิตามินซีเป็นวิตามินที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ช่วยในการเจริญเติบโต,ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและเป็นสารโคแฟคเตอร์ (Co-factor) ในการกระบวนการเคมีต่างๆในร่างกาย แต่เนื่องจากความเป็นกรดของวิตาซี นักวิทยาศาสตร์จึงทำให้ Ascorbic acid อยู่ในรูปที่เป็นกลางมากขึ้น เพื่อลดความระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร โดยทำให้อยู่ในรูปบัฟเฟอร์ของกรดวิตามินซี นั้นคือ “Calcium Ascorbate” นั่นเอง

ภายใน Calcium Ascorbate จะประกอบด้วยส่วนของ Ascorbate ประมาณ 90% และส่วนของ Calcium ประมาณ 10% เมื่อเรารับประทาน Calcium Ascorbate เข้าไปถึงส่วนกระเพาะแล้วCalcium Ascorbate จะแตกตัวออกเป็น Calcium และ Ascorbate ion และเปลี่ยนเป็น Ascorbic acid จากนั้นก็ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อใช้งานต่อไป ซึ่งจากการศึกษาของ Linus Pauling Institute รายงานว่า Calcium Ascorbate และ Ascorbic acid สามารถดูดซึมไปใช้งานได้ไม่แตกต่างกัน

วิตามินซีนั้นเป็นวิตามินที่มีประโยชน์และจำเป็นต่อร่างกาย โดยร่างกายเราไม่สามารถผลิตวิตามินซีได้เอง ดังนั้นเราจึงได้รับจากการรับประทานเท่านั้น วิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายน้ำ ไวต่อแสง พบได้ทั่วไปในผักและผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้ที่ที่มีรสชาติเปรี้ยว (Citrus fruit) เช่น ส้ม, มะนาว, เกรปฟรุ๊ต, มะเขือเทศ และผักผลไม้อื่นๆ เช่น สตรอเบอรี่, กีวี่, ทับทิม, บล็อกคอรี่, ผักโขม และคะน้า โดยปกติแล้วเราแนะนำให้ทานวิตามินซีปริมาณ 75 mg สำหรับผู้หญิงและ 90 mg สำหรับผู้ชาย

ประโยชน์ของ Calcium Ascorbate

1. เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

การทานวิตามินซีช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น โดยวิตามินซีจะช่วยลดการสูญเสียน้ำผ่านชั้นผิวหนัง (Epidermis trans-epidermal water loss (TEWL)) และเสริมการสังเคราะห์ชั้นไขมันบางๆบนผิวหนัง ทำให้ผิวกักเก็บน้ำได้ดีขึ้น นอกจากการนี้การสังเคราะห์คอลลาเจนซึ่งใช้วิตามินซีเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการยังช่วยให้เกิดการสร้าง Hyaluronic acid ซึ่งช่วยให้ผิวอุ้มน้ำได้ดีขึ้นอีกด้วย

2. เสริมสร้างการสังเคราะห์คอลลาเจน

วิตามินซีเป็นสารที่ใช้ในการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนเป็นโปรตีนที่พบมากที่สุดในร่างกายทั้งส่วนของผิวหนัง, ผม, เล็บและข้อต่างๆ ซึ่งคอลลาเจนจะช่วยให้ผิวของเราเต่งตึง, ไม่หย่อนคล้อย, นุ่ม, ชุ่มชื้น และช่วยให้ข้อต่างๆทำงานได้เป็นปกติ ซึ่งนอกจากวิตามินซีจะเป็นสารที่ใช้ในการสังเคราะห์คอลลาเจนแล้ว  วิตามินซียังช่วยให้คอลลาเจนมีความคงตัวมากขึ้น ดังนั้นวิตามินซีจึงช่วยให้เสริมคอลลาเจนในร่างกายและเสริมการซ่อมแซมผิวหนังที่เสื่อมสภาพด้วย

3. ช่วยป้องกันรังยูวีจากแสงแดด

รังสียูวีจากแสงแดดเป็นรังสีเป็นอันตรายต่อผิวหนังของเราได้ เช่น ผิวไหม้, อักเสบและเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ รังสียูวีทำลายผิวหนังโดยเร่งการคล้ายออกซิเจนที่ไวต่อการทำปฏิกิริยาซึ่งทำให้เซลล์เสื่อสภาพ วิตามินซีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูอิสระจะลดความเสียหายของเซลล์ที่ถูกแสงยูวีทำลายและป้องกันการสร้างเม็ดสีผิวหลังจากโดนแดดได้ ดังนั้นวิตามินจึงเรียกได้ว่าเป็น “วิตามินกันแดด” แต่อย่างไรก็ตามเราควรใช้ครีมกันแดดและหลีกเลี่ยงแดดจัด จะเป็นการลดความเสี่ยงต่อถูกทำลายด้วยรังยูวีได้ดี

4. ช่วยสมานแผล

วิตามินซีช่วยให้แผลสมานเร็วขึ้น โดยปกติแล้วการเกิดแผลจะเกิดจากการอักเสบซึ่งเป็นการเพิ่มอนุมูลอิสระที่บริเวณแผล และวิตามินซีนี่เองจะเข้าไปจำกัดการทำลายเซลล์ของอนุมูลอิสระ และการสร้างคอลลาเจนที่บริเวณผิวหนังใหม่นั้นจำเป็นต้องใช้วิตามินซีในการสังเคราะห์ด้วย นอกจากนี้วิตามินซียังช่วยเสริมการแบ่งตัวของเซลล์ Keratinocyte ซึ่งเป็นเซลล์ที่เป็นองค์ประกอบหลักของเซลล์ผิวหนัง การศึกษาพบว่าทั้งสัตว์และคนที่มีระดับวิตามินซีในร่างกายต่ำ แผลจะหายช้ากว่าผู้ที่มีวิตาซีในระดับปกติ

5. เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant)

วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแรงมากชนิดหนึ่ง โดยวิตามินซีจะเข้าจับกับอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกาย และลดความอันตรายที่เกิดขึ้นกับเซลล์ที่มีอนุมูลอิสระจึงช่วยให้เซลล์มีสุขภาพที่ดีขึ้น ช่วยให้เรามีระบบภูมิต้านทานที่ดี จากการศึกษาพบว่าการทานวิตามินซีจะช่วยให้ระดับอนุมูลอิสระในเลือดเพิ่มขึ้นถึง 30% และช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ดีเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆที่เข้ามารุกรานร่างกาย การทานวิตามินซีจึงช่วยให้เราไม่เป็นหวัดง่าย

6. ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก

ธาตุเหล็กเป็นธาตุที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดเพื่อใช้ในการขนส่งออกซิเจนทั่วร่างกาย การดูดซึมของธาตุเหล็กนั้นจำเป็นต้องใช้วิตามินซีในกระบวนเพื่อเปลี่ยนรูปของธาตุเหล็กให้ดูดซึมได้ดีและง่ายขึ้น ซึ่งวิตามินซีสามารถเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กได้มากขึ้นถึง 67% ดังนั้นวิตามินซีจึงสำคัญมากต่อผู้ที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ เนื่องจากเนื้อสัตว์เป็นแหล่งโปรตีนที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก

ข้อแนะนำ

วิตามินซีเป็นวิตามินที่มีความปลอดภัยต่อร่างกายสูง แต่ผู้ที่ได้รับวิตามินซีมากเกินไป (มากกว่า 2,000 มิลลิกรัม) อาจมีผลข้างเคียง เช่น มีอาการปวดท้องเกร็ง, ท้องเสีย, คลื่นไส้, เกิดนิ่วในไตเนื่องจากการสันดาปเกิดเป็นสารประกอบออกซาเลตและอาจได้รับธาตุเหล็กมากเกินไป

อ้างอิง

Alessio, H., Goldfarb, A., & Cao, G. (1997). Exercise-Induced Oxidative Stress before and after Vitamin C Supplementation. International Journal Of Sport Nutrition, 7(1), 1-9.

Cosgrove MC, Franco OH, Granger SP, Murray PG, Mayes AE. Dietary nutrient intakes and skin-aging appearance among middle-aged American women. Am J Clin Nutr 2007;86:1225-1231

Duarte TL, Cooke MS, Jones GD. Gene expression profiling reveals new protective roles for vitamin C in human skin cells. Free Radic Biol Med 2009;46:78-87.

            Hallberg, L., & Hulthén, L. (2000). Prediction of dietary iron absorption: an algorithm for calculating absorption and bioavailability of dietary iron. The American Journal Of Clinical Nutrition, 71(5), 1147-1160. doi: 10.1093/ajcn/71.5.1147

Kim M, Otsuka M, Yu R, Kurata T, Arakawa N. The distribution of ascorbic acid and dehydroascorbic acid during tissue regeneration in wounded dorsal skin of guinea pigs. Int J Vitam Nutr Res 1994;64:56-59.

Kim, M., Sasazuki, S., Sasaki, S., Okubo, S., Hayashi, M., & Tsugane, S. (2003). Effect of Five-Year Supplementation of Vitamin C on Serum Vitamin C Concentration and Consumption of Vegetables and Fruits in Middle-Aged Japanese: A Randomized Controlled Trial. Journal Of The American College Of Nutrition, 22(3), 208-216. doi: 10.1080/07315724.2003.10719295

 Kramer GM, Fillios LC, Bowler EC. Ascorbic acid treatment on early collagen production and wound healing in the guinea pig. J Periodontol 1979;50:189-192.

Ponec M, Weerheim A, Kempenaar J, et al. The formation of competent barrier lipids in reconstructed human epidermis requires the presence of vitamin C. J Invest Dermatol 1997;109:348-355.  

Pullar, J., Carr, A., & Vissers, M. (2017). The Roles of Vitamin C in Skin Health. Nutrients, 9(8), 866. doi: 10.3390/nu9080866

Wasserman, R. (2019). What Are the Benefits of Calcium Ascorbate? | Livestrong.com. Retrieved 1 December 2019, from https://www.livestrong.com/article/254544-what-are-the-benefits-of-calcium-ascorbate/

Young ME. Malnutrition and wound healing. Heart Lung 1988;17:60-67.