Exclusing Offer For Thai Residents

Blog

Apr 03 2020

5 โรคร้ายแรงยอดฮิตของไทย เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจาก COVID-19


Cleanser, Psyllium Husk, Vitamin C, ดีท็อกซ์, ต้นอ่อนข้าวสาลี, แอปเปิ้ลไซเดอร์

5 โรคร้ายแรงยอดฮิตของไทย เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจาก COVID-19

  • ผลการรายงานจาก National Institute of Health ประเทศอิตาลีที่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 บอกว่า “99% ของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโคโรนาไวรัสและได้เสียชีวิตลงจากการติดเชื้อไวรัสนี้มีโรคประจำตัวอยู่แล้วอย่างน้อย 1 โรค”
  • เกือบ 50% ของผู้ป่วยที่เสียชีวิตจาก COVID-19 มีโรคประจำตัว 3 โรค
  • ในอิตาลี ผู้ป่วย 76.1% ที่เสียชีวิตจาก COVID-19 นั้นมีโรคความดันโลหิตสูง

มาอีกแล้ว เขาออกมาเตือนกันอีกแล้ว! ในต่างประเทศเขาประกาศกันโครมๆ ว่า “โรคประจำตัวของมนุษยชาติ” เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้โคโรน่าไวรัสส่งคุณเข้าห้อง ICU ก่อนใครแถมเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าคนปกติที่ไร้โรคภัยไข้เจ็บ เมื่อวันก่อนก็บอกว่าอ้วนเสี่ยงตายเพราะโควิด-19 วันนี้ MikaNutra จะมาบอกให้คุณได้รู้กันว่า 5 โรคร้ายแรงอะไรบ้างที่จะพลิกวิกฤติให้เป็นหายนะได้ในพริบตา

COVID-19 และโรคร้ายแรงยอดฮิต

ได้ยินข่าวจากอิตาลีแล้วก็อดกังวลไม่ได้ เนื่องจากยอดผู้เสียชีวิตพุ่งสูงมากถึง 13,155 คนรายงานจากสำนักข่าว The Wall Street Journal ซึ่งได้บอกอีกว่า ยอดผู้เสียชีวิตมีมากกว่าที่รายงานซึ่งฟังแล้วหดหู่ใจเหลือเกิน

จากการรายงานล่าสุดที่ได้ศึกษาจากผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสพบว่า ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวนั้นมีความเสี่ยงมากที่อาการจะพัฒนาไปในทางรุนแรงขึ้นเมื่อได้รับเชื้อไวรัส และผู้ป่วยที่เสียชีวิตบางส่วนนั้นมีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไตและโรคอ้วน

ทั้งนี้ทางกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทย ได้ทำรายงานเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคร้ายแรงแบบไม่ติดต่อในประเทศไทยที่คนนิยมเป็น 5 อันดับแรกออกมา ซึ่งโรคร้ายแรงเหล่านั้นก็คือ

  1. โรคความดันโลหิตสูง
  2. โรคเบาหวาน
  3. โรคหลอดเลือดหัวใจ
  4. โรคหลอดเลือดสมอง
  5. COPD (โรคหลอดลมอักเสบ ถุงลมโป่งพอง ปอดอุดกลั้นเรื้อรัง)

ซึ่งโรคเหล่านี้ส่วนมากเกิดขึ้นจากไลฟ์สไตล์และอาหารการกินเป็นส่วนมาก บางอย่างอาจเกิดจากโรคทางพันธุกรรม แต่หากโรคเหล่านี้เกิดขึ้นจากอาหารและการใช้ชีวิตของคุณแล้วนั้น คุณควรจะหันมาดูแลตัวเองได้แล้ว เริ่มวันนี้ยังไม่สายเกินไป!

สถิติการเสียชีวิตของคนไทยจาก 5 โรคร้ายแรง

ส่วน 5 โรคร้ายแรงแบบไม่ติดต่อที่คร่าชีวิตคนไทยปีแล้วปีเล่าโดยมีรายงานจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDB) ก็คือ

  1. กลุ่มโรคมะเร็ง 
  2. โรคหัวใจ 
  3. โรคปอด 
  4. โรคหลอดเลือดในสมอง 
  5. โรคเบาหวาน 

จากสถิติการเสียชีวิตที่จัดทำโดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDB) พบว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2537 – 2560 อัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งและเนื้องอกทุกชนิดของคนไทยเป็นสาเหตุอันดับ 1 โดยในปี พ.ศ. 2537 โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทย 48.9 คน ต่อประชากร 100,000 คน และเพิ่มขึ้นเป็น 120.5 คน หรือเกือบ 3 เท่าตัว ในปี พ.ศ. 2560 เช่นเดียวกับกลุ่มโรคร้ายแรงอื่นๆ ที่อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยอัตราการเสียชีวิตของคนไทยจากกลุ่มโรคปอดเพิ่มขึ้นจาก 13.8 คน เป็น 45.3 คน นอกจากนี้จำนวนคนที่เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดในสมองและเบาหวานก็เพิ่มขึ้นเช่นกันจาก 10.6 คน และ 7.2 คน ในปี พ.ศ. 2537 เป็น 47.8 คน และ 22 คน ในปีพ.ศ.2560 ตามลำดับ ต่อประชากร 100,000 คน ดังแสดงในภาพ

อัตราการเสียชีวิตของคนไทย (พ.ศ. 2537 – 2560) จากการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงต่อประชากร 100,000 คน
ที่มา: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDB)

คราวนี้เราได้เห็นกันไปแล้วว่ามีโรคอะไรบ้างที่คนไทยนิยมเป็นกัน ซึ่งในต่างประเทศทั้งอเมริกาและอิตาลีเหล่านักวิจัยและบุคคลากรทางการแพทย์ก็ยังไม่มั่นใจ 100% ว่าทำไมคนไข้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจถึงเข้าไปอยู่ในกลุ่มของผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 แต่เหล่าคุณหมอเชื่อว่าการที่โควิด-19 มีผลกระทบกับหัวใจเนื่องจากปอดติดเชื้อ ทำงานได้ไม่เต็มที่และทำงานหนักเกินไปจึงส่งผลให้หัวใจทำงานหนักตามไปด้วย

อีกทั้งผู้ที่มีปัญหาโรคหัวใจมีภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไวรัสที่เข้าไปสู่ร่างกายสามารถทำให้คนที่มีปัญหาโรคหัวใจเกิดปัญหาร้อยแปดตามมาตั้งแต่กระตุ้นให้เกิดอาการหัวใจวาย ไวรัสเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อหัวใจและอื่นๆ อีกมากมายซึ่งเราไม่สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งข้อมูลนี้มาจาก American Heart Association

เปลี่ยนพฤติกรรมต้านโรค ลดความเสี่ยงติด COVID-19

พฤติกรรมการกินเป็นสาเหตุหลักของโรคร้าย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตัวคุณเองสามารถฆ่าตัวเองได้โดยไม่รู้ตัว อีกทั้งโรคร้ายต่างๆ เป็นต้นเหตุทำให้ภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง ร่างกายอักเสบจากภายใน ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอไม่สามารถกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายได้อย่างทันท่วงที หากผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่ได้รับเชื้อโรคและไวรัสต่างๆ จึงทำให้เชื้อร้ายเหล่านั้นเข้าไปกระตุ้นอาการของโรคทำให้ทุกอย่างแย่ลงได้ ดังนั้นการดูแลตัวเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและเลือกทานอาหารเสริมเพิ่มเติมในสถานการณ์ที่เราต้องอยู่ในบ้านจึงเป็นสิ่งที่ดีมากๆ

วันนี้เราจะมาดูกันว่าโรคแต่ละโรคเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการทานอาหารประเภทใดบ้าง เราจะได้ป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการติดโควิด-19 ได้อย่างทันท่วงที

พฤติกรรมที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน

โรคเบาหวานเกิดจากพฤติกรรมการกินที่ติดรสหวาน ทำให้น้ำตาลตกค้างในกระแสเลือดมากเกินไป เป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน อีกทั้งยังกินอาหารที่มีไขมันสูง หากร่างกายสะสมไขมันส่วนเกินไว้มาก เผาผลาญไม่หมด จะทำให้เซลล์ดื้อต่ออินซูลิน รวมถึงการสูบบุหรี่ก็เป็นพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากสารในบุหรี่ทำให้การทำงานของอินซูลินที่ทำหน้าที่ดูดซับน้ำตาลไปใช้ลดลง และที่แย่ที่สุดก็คือการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเช่น เหล้าและเบียร์ ซึ่งทำให้เซลล์ตับอ่อนระคายเคืองจนอักเสบ ทำให้สร้างอินซูลินได้ลดลง

พฤติกรรมที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจ

การกินอาหารไขมันสูงนอกจากทำให้อ้วนแล้วยังก่อให้เกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด หลอดเลือดจะตีบ ส่งผลทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้น้อย เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและกล้ามเนื้อหัวใจอาจตายเฉียบพลันได้อีกด้วย นอกจากนี้การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำสามารถส่งผลให้เส้นเลือดสมองแตกแบบเฉียบพลันได้ เนื่องจากสารในแอลกอฮอล์ทุกชนิดมีผลโดยตรงทำให้ผนังหลอดเลือดบาง 

พฤติกรรมที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง

ผู้ที่ชอบทานอาหารรสเค็มนั้นมีความเสี่ยงสูงมากที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง อาหารรสเค็มเต็มไปด้วยโซเดียม หากร่างกายมีความเข้มข้นของโซเดียมในหลอดเลือดมาก จะทำให้มีการดูดน้ำกลับเข้าหลอดเลือดและก่อให้เกิดแรงดันเพิ่มขึ้นจึงทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นอีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคไตอีกด้วย อีกพฤติกรรมหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงก็คือการกินอาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นประจำ เช่น มันฝรั่งทอด พิซซ่า ไก่ทอด จะทำให้ไขมันเกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือดจนเป็นชั้นหนาๆ ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักเพื่อสูบฉีดเลือดไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูงได้

พฤติกรรมที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง

ผู้ที่ชื่นชอบอาหารประเภทปิ้ง-ย่างควรระวัง เพราะเขม่าควันไฟติดมากับไขมัน เนื้อสัตว์ หรือในน้ำมันที่มีสารโพลี-ไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน รวมถึงเครื่องปรุงรสที่อยู่ในเนื้อสัตว์เมื่อถูกความร้อนจะเป็นสารก่อมะเร็งได้ในระยะยาว และการรับประทานอาหารแปรรูป อาหารกึ่งสำเร็จรูปและของหมักดองเป็นประจำ ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพในระยะยาว เนื่องจากมีส่วนประกอบที่เป็นสารเคมีและสารสังเคราะห์อยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงสารใส่กันบูด การเติมสารให้ความหวาน การแต่งกลิ่นหรือรสสังเคราะห์ เป็นต้น อีกอย่างหนึ่งก็คือการรับประทานของทอดที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ เพราะในน้ำมันที่ทอดซ้ำเกิน 2 ครั้ง มีสารโพลาร์ก่อให้เกิดมะเร็งตับ และมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ

พฤติกรรมที่ทำให้เกิดโรคอ้วน

การไม่รับประทานอาหารเช้าจะทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำลง สมองจึงสั่งให้กินมื้อถัดไปร่างกายควรกินมากขึ้นเป็นการชดเชย อีกทั้งยังทำให้อยากกินของหวานมากขึ้นจึงทำให้ร่างกายสะสมไขมันรอบเอวเป็นของแถม นอกจากนี้การทานขนมอบ ขนมประเภทเบเกอรี่เป็นประจำ ที่อุดมไปด้วยไขมัน น้ำตาลและครีมเทียมซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นไขมันทรานส์ (ไขมันชนิดไม่ดี) ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคอ้วน สุดท้ายก็คือการดื่มเครื่องดื่มรสหวาน เครื่องดื่มประเภทนี้นอกจากไม่มีประโยชน์แล้วยังทำให้คุณเสี่ยงเป็นโรคหลายโรคอีกด้วย เนื่องจากเครื่องดื่มรสหวานมีสารอาหารน้อยแถมให้พลังงานสูง เพราะมีส่วนผสมของน้ำตาลฟรุคโตสที่เป็นอันตรายต่อร่างกายในระยะยาว

อยู่บ้านอาจปลอดภัยจากโควิด-19 แต่….ระวังภัยเงียบ!

การเปลี่ยนการพฤติกรรมการใช้ชีวิตและพฤติกรรมการกินเป็นสิ่งที่สำคัญมากในขณะนี้ เนื่องจากเราอยู่แต่ในบ้านไม่สามารถออกไปไหนได้ในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสซึ่งหลายคนอาจจะกินมากขึ้น ออกกำลังกายลดลง รวมถึงเครียดและกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของงานที่ทำอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณสามารถเข้าสู่พฤติกรรมการกินที่แย่ กินทั้งที่ไม่หิวและก็กินทุกอย่างที่ขวางหน้า หรือที่หนักกว่าคือได้โรคเพิ่มมาโดยไม่รู้ตัวแถมยังออกไปหาหมอไม่ได้อีกเพราะกลัวติดโควิด-19

*ข้อความสำคัญ*

การเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีและเหมาะสม คือวิธีที่จะทำให้คุณปลอดภัยจากโรคร้ายและมีสุขภาพที่แข็งแรงอย่างยั่งยืน


*ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรืออาหารเสริมใดที่จะป้องกันคุณจากเชื้อไวรัสนี้ได้ 100% ฉะนั้นโปรดเข้าใจว่าการเว้นระยะห่างทางสังคมและการล้างมือเป็นสิ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ได้ดีที่สุดในขณะนี้*

บริษัท MikaNutra

อยู่บ้านเช็คอาการ

การหาตัวช่วยอย่างอาหารเสริมที่อุดมไปด้วย Superfood อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ เพราะ!

  • คุณทานผักน้อยลงหรือไม่ได้ทานผักเลย
  • คุณมีเวลาที่จะกินทั้งวัน รวมถึงกินของที่ไม่มีประโยชน์
  • คุณอยู่บ้านทั้งวันจนทำให้ไม่อยากออกกำลังกาย
  • คุณอาจขาดวิตามินจำเป็นเพราะทานอาหารไม่ครบหมู่
  • คุณท้องผูก ถ่ายไม่เป็นเวลาหรือท้องเสียบ่อย
  • คุณรู้สึกอ่อนเพลียทั้งๆ ที่นอนเกิน 8 ชั่วโมง
  • คุณกำลังมีสารพิษตกค้างเยอะเกินไป

ธรรมชาติบำบัดเพื่อสุขภาพ

อย่างที่เรารู้กันว่า สารพิษตกค้างในร่างกายเป็นอุปสรรคในการลดน้ำหนัก และยังทำให้ร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ และด้วยพลังแห่งธรรมชาติที่คัดสรรจากวัตถุดิบชั้นดี จึงทำให้ Cleanser เป็นตัวช่วยที่สำคัญสำหรับคุณ

แอปเปิ้ลไซเดอร์เวนิกา มีส่วนช่วยในการเผาผลาญ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์อีกทั้งยังช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น ส่งผลให้อาหารและของเสียตกค้างในกระเพาะอาหารและลำไส้ลดลง นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นกระบวนการล้างพิษตามธรรมชาติของร่างกายให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยเฉพาะการขับสารพิษของตับ เนื่องจากมี Malic Acid (กรดมาลิก) และ Tartaric Acid (กรดทาร์ทาริก) ซึ่งช่วยให้กระบวนการย่อยโปรตีนและไขมันทำงานได้ดีและยังช่วยให้นิ่วในถุงน้ำดีอ่อนตัวลงอีกด้วย

Wheatgrass หรือ ต้นอ่อนข้าวสาลี ขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดอาหารล้างสารพิษในร่างกายจาก
ธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระทั้งคลอโรฟิลล์ วิตามินเอ ซีและอี แร่ธาตุต่างๆ เช่น เหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม มีโปรตีนสูง ต้นอ่อนข้าวสาลีเป็นที่รู้จักไปทั่่วโลกกับสรรพคุณด้านการต่อต้านมะเร็ง อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยต่อสู้กับความเครียดของเซลล์ที่ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ที่สำคัญพืชชนิดนี้ช่วยเรื่องโรคอ้วนและเบาหวาน อีกทั้งยังช่วยทำความสะอาดเลือด ขจัดกลิ่นตัวส่วนต่างๆ

ไซเลียม ฮัสค์ เป็นพืชที่มีเส้นใยอาหารสูง ถือเป็นตัวช่วยสำคัญของผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักเนื่องจากเส้นใยจากไซเลียม ฮัสค์ทำให้การเผาผลาญพลังงานดีขึ้น กระตุ้นการหลั่งน้ำดีทำให้การย่อยไขมันเก่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีสรรพคุณช่วยในการขับถ่าย ลดอาการท้องผูกและการหมักหมมในลำไส้จึงทำให้สารพิษตกค้างในร่างกายลดลง นอกจากนี้ยังช่วยดีท็อกซ์หลอดเลือดและยังลดไขมันเลวอย่าง LDL อีกด้วย

Ascorbic Acid จัดเป็นสารสำคัญที่มีผลต่อการทำงานหลายระบบของร่างกาย มีสรรพคุณหลายอย่าง อาทิ ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดป้องกันโรคในระบบหัวใจ ช่วยป้องกันโรคตับและโรคไต วิตามินซีเป็นสารต้านพิษ Nitrosamin ที่เป็นสารสำคัญทำให้เกิดพิษแก่ตับ ไต อีกทั้งยังทำหน้าที่สลายสารพิษต่างๆในร่างกาย โดยเป็นสารป้องกันการเกิดออกซิไดซ์ที่เป็นสาเหตุการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ทำให้เซลล์ในร่างกายไม่เสื่อมสภาพเร็ว ผิวพรรณแลดูสดใส และอ่อนกว่าวัย

การันตีด้วยมาตรฐานความปลอดภัยจาก USA

Mikanutra Cleanser เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมประเภทดีท็อกซ์ที่ได้คัดเอาเฉพาะวัตถุดิบจากธรรมชาติ ผ่านมาตรฐานรับรองความปลอดภัยจากสหรัฐอเมริกา จึงสามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจาก FDA Registered Manufacturing Facility ในเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัยในการผลิตและมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการองค์การอาหารและยา (อย.)

ด้วยพลังแห่งสารสกัดธรรมชาติบริสุทธิ์จาก Superfood 4 ชนิด จะช่วยทำให้การดีท็อกซ์ล้างสารพิษตกค้างทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ชำระล้างสารพิษตกค้างในร่างกายพร้อมทั้งยังเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ฟื้นฟูสุขภาพ ส่งผลให้ผิวกระจ่างใสและสุขภาพที่ดีกว่าเดิมจากภายในสู่ภายนอก หากอยากรู้ข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับ Superfood ทั้ง 4 ชนิดสามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ MikaNutra.com เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณวันนี้!

    Related Posts

    One thought on “5 โรคร้ายแรงยอดฮิตของไทย เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจาก COVID-19

    Leave a Reply

    Your email address will not be published. Required fields are marked *

    Scroll To Top